วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

บทที่ 2 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการความรู้


การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM)




ที่มา : https://moonoijudy.wordpress.com

          การจัดการความรู้ คือ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในส่วนราชการซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคล หรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ

         1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม

        2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม


โมเดลการจัดการความรู้

          โมเดลเซกิ (SECI Model) ถูกเสนอโดย Nonaka และ Takeuchi,1995 คือ แผนภาพแสดงความสัมพันธ์การหลอมรวมความรู้ในองค์กรระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ใน 4 กระบวนการ เพื่อยกระดับความรู้ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวัฎจักร เริ่มจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) การสกัดความรู้ออกจากตัวคน (Externalization) การควบรวมความรู้ (Combination) และการผนึกฝังความรู้ (Internalization)



ที่มา : http://welcome2km.blogspot.com/p/seci-model-nonaka-takeuchi1995-tacit.html



  1.การสร้างปฎิสัมพันธ์ทางสังคม (Socialization) S : Tacit to Tacit
 อธิบายความสัมพันธ์ทางสังคมในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) ด้วยกันเป็นการแบ่งปันประสบการณ์แบบเผชิญหน้าระหว่างบุคคล เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนทักษะใหม่ๆผ่านการพูดคุยจากการประชุม และได้แลกเปลี่ยนความรู้กับบุคคลอื่นในองค์กรเพื่อบริหารงานให้ดีขึ้นต่อไป

2. การแลกเปลี่ยนความรู้สู่ภายนอก (Externalization) E : Tacit to Explicit
 อธิบายความสัมพันธ์กับภายนอกในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) อาจเป็นการนำเสนอ เแนวคิด แผนภาพ แผนภูมิ เอกสารที่ให้เกิดการสื่อสารระหว่างผู้เรียนรู้ด้วยกันที่เข้าใจได้ง่าย เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้บริหารบริษัทอย่างเป็นระบบแบบแผนและนำพาบริษัทไปในทางที่ดี จึงทำหนังสือเกี่ยวกับการบริหารองค์กรเพื่อมาเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่สนใจในการบริหาร

3. การรวบรวมความรู้ (Combination) C : Explicit to Explicit 
อธิบายความสัมพันธ์การรวมกันของความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledgeที่ผ่านการจัดระบบ และบูรณาการความรู้ที่ต่างรูปแบบเข้าด้วยกันเพื่อนำความรู้ไปสร้างต้นแบบใหม่ ไปสร้างสรรค์งานใหม่ ได้ความรู้ใหม่ เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้ศึกษาหากลยุทธ์ในการบริหารองค์กรต่างๆจากแหล่งข้อมูล หรือสื่ออื่นๆ และทำเป็นกลยุทธ์ในการบริหารงานใหม่ๆ เพื่อเผยแพร่เป็นหนังสือซึ่งเกิดเป็นการรวบรวมแหล่งความรู้ต่างๆ และความรู้ของตนเอง

 4. การผนึกฝังความรู้ (Internalization) I : Explicit to Tacit 
อธิบายความสัมพันธ์ภายในที่มีการส่งต่อความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledgeสู่ความรู้ฝังลึก (Tacit knowledgeแล้วมีการนำไปใช้ในระดับบุคคล ครอบคลุมการเรียนรู้และลงมือทำ เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้ศึกษาหาความรู้ในการบริหารองค์การจากแหล่งข้อมูลต่างๆจนเกิดความชำนาญและได้นำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่นในองค์กรเพื่อจะได้พัฒนาองค์กรให้ดีขึ้นต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น