การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM)
ที่มา : https://moonoijudy.wordpress.com
การจัดการความรู้
คือ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในส่วนราชการซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคล
หรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้
และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ
1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน
(Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์
พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ
เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น
ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง
จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม
2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง
(Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม
ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง
ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม
โมเดลการจัดการความรู้
โมเดลเซกิ (SECI Model) ถูกเสนอโดย Nonaka และ Takeuchi,1995 คือ
แผนภาพแสดงความสัมพันธ์การหลอมรวมความรู้ในองค์กรระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit
Knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ใน 4 กระบวนการ
เพื่อยกระดับความรู้ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวัฎจักร
เริ่มจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) การสกัดความรู้ออกจากตัวคน
(Externalization) การควบรวมความรู้ (Combination) และการผนึกฝังความรู้ (Internalization)
ที่มา : http://welcome2km.blogspot.com/p/seci-model-nonaka-takeuchi1995-tacit.html
1.การสร้างปฎิสัมพันธ์ทางสังคม (Socialization) S : Tacit to Tacit
อธิบายความสัมพันธ์ทางสังคมในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก
(Tacit knowledge) ด้วยกันเป็นการแบ่งปันประสบการณ์แบบเผชิญหน้าระหว่างบุคคล เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนทักษะใหม่ๆผ่านการพูดคุยจากการประชุม และได้แลกเปลี่ยนความรู้กับบุคคลอื่นในองค์กรเพื่อบริหารงานให้ดีขึ้นต่อไป
2. การแลกเปลี่ยนความรู้สู่ภายนอก (Externalization)
E : Tacit to Explicit
อธิบายความสัมพันธ์กับภายนอกในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก
(Tacit knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit
knowledge) อาจเป็นการนำเสนอ เแนวคิด
แผนภาพ แผนภูมิ
เอกสารที่ให้เกิดการสื่อสารระหว่างผู้เรียนรู้ด้วยกันที่เข้าใจได้ง่าย เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้บริหารบริษัทอย่างเป็นระบบแบบแผนและนำพาบริษัทไปในทางที่ดี จึงทำหนังสือเกี่ยวกับการบริหารองค์กรเพื่อมาเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่สนใจในการบริหาร
3. การรวบรวมความรู้ (Combination)
C : Explicit to Explicit
อธิบายความสัมพันธ์การรวมกันของความรู้ชัดแจ้ง
(Explicit knowledge) ที่ผ่านการจัดระบบ
และบูรณาการความรู้ที่ต่างรูปแบบเข้าด้วยกันเพื่อนำความรู้ไปสร้างต้นแบบใหม่
ไปสร้างสรรค์งานใหม่ ได้ความรู้ใหม่ เช่น ผู้บริหารบริษัท ได้ศึกษาหากลยุทธ์ในการบริหารองค์กรต่างๆจากแหล่งข้อมูล หรือสื่ออื่นๆ และทำเป็นกลยุทธ์ในการบริหารงานใหม่ๆ เพื่อเผยแพร่เป็นหนังสือซึ่งเกิดเป็นการรวบรวมแหล่งความรู้ต่างๆ และความรู้ของตนเอง
4. การผนึกฝังความรู้ (Internalization)
I : Explicit to Tacit
อธิบายความสัมพันธ์ภายในที่มีการส่งต่อความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) สู่ความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) แล้วมีการนำไปใช้ในระดับบุคคล
ครอบคลุมการเรียนรู้และลงมือทำ เช่น ผู้บริหารบริษัท
ได้ศึกษาหาความรู้ในการบริหารองค์การจากแหล่งข้อมูลต่างๆจนเกิดความชำนาญและได้นำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่นในองค์กรเพื่อจะได้พัฒนาองค์กรให้ดีขึ้นต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น